สาเหตุและวิธีรักษาอาการเจ็บแสบคันบริเวณช่องคลอด
อาการแสบช่องคลอด เจ็บ บวม แดง และมีตกขาว อาจเกิดจากเชื้อราในช่องคลอด เป็นอาการที่พบได้บ่อยและสร้างความกังวลใจให้ใครหลายคน แต่ที่จริงแล้ว หากดูแลรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้หายได้ไว และสามารถป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้ในอนาคต
อาการของโรคเชื้อราในช่องคลอด
หากมีอาการดังต่อไปนี้ อาจเป็นโรคเชื้อราในช่องคลอด
- แสบ คันในช่องคลอด หรือบริเวณปากช่องคลอด
- รู้สึกเจ็บปากช่องคลอด และบริเวณโดยรอบ
- อวัยวะเพศหญิงบวม
- เจ็บอวัยวะเพศหญิง และมีตกขาวผิดปกติ ลักษณะขาวข้นคล้ายนมบูด
อาการที่อาจพบได้ในบางครั้ง
- อาการเจ็บระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
- ตกขาวที่มีลักษณะข้น
- อาการบวมแดงที่แคมของอวัยวะเพศ
- อาการแสบร้อนปากช่องคลอด
- อาการแสบในขณะปัสสาวะ
- อาการเจ็บในช่องคลอด
- ผิวแตกบริเวณช่องคลอด
คุณควรไปพบแพทย์หากมีอาการเหล่านี้
- คุณเป็นโรคเชื้อราในช่องคลอดเป็นครั้งแรก
- คุณเป็นโรคเชื้อราในช่องคลอดบ่อยครั้ง หรือกลับเป็นโรคซ้ำในเวลาน้อยกว่า 2 เดือน
- อาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน หรือไม่หายไปภายใน 7 วัน
- คุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- คุณมีคู่นอนหลายคน
- คุณมีอายุน้อยกว่า 12 ปี และมีไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้หรืออาเจียน
- คุณรู้สึกปวดท้อง
- คุณเคยมีอาการแพ้ยาชนิดอื่นที่ใช้รักษาเชื้อราในช่องคลอด
แสบอวัยวะเพศหญิงภายนอกเกิดจากอะไร ?
อาการเจ็บแสบคันบริเวณช่องคลอด ส่วนใหญ่มักมีความสัมพันธ์โดยตรงกับเชื้อรา Candida albicans ทำให้เกิดอาการระคายเคือง บวมแดง และตกขาวผิดปกติ โรคนี้เกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียดีในช่องคลอดไม่สามารถควบคุมการเจริญของเชื้อราได้ หรือเมื่อคุณมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง อย่างไรก็ตาม โรคเชื้อราในช่องคลอดไม่ใช่โรคติดต่อทางมีเพศสัมพันธ์
สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้รู้สึกแสบช่องคลอด
แม้ว่าส่วนใหญ่แล้ว อาการเจ็บปากช่องคลอดมักจะมีสาเหตุมาจากเชื้อรา แต่ก็อาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกัน
- การแพ้สบู่ เจลอาบน้ำ หรือผลิตภัณฑ์มีน้ำหอม
- ช่องคลอดแห้งจากฮอร์โมนลดลง
- การติดเชื้อแบคทีเรียช่องคลอด
- การสวมเสื้อผ้าที่อับชื้น
- การใช้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่องทำให้เชื้อราเจริญเติบโตเร็วขึ้น
เจ็บอวัยวะเพศหญิงเพราะเชื้อรารักษาอย่างไร ?
แม้ว่าโรคเชื้อราในช่องคลอดจะสร้างความกังวลใจให้คุณผู้หญิง แต่ที่จริงแล้ว หากดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ก็สามารถรักษาได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถขอความช่วยเหลือจากเภสัชกรหรือแพทย์ เพื่อให้ช่วยเลือกวิธีการรักษาเชื้อราในช่องคลอดที่เหมาะสม
แนวทางการรักษาโรคเชื้อราในช่องคลอด
อาการเจ็บแสบน้องสาวเพราะเชื้อราในช่องคลอดสามารถรักษาได้ด้วยยาที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ ตามร้านขายยาทั่วไป หรือใช้ยาตามใบสั่งแพทย์
โดยใช้ยารักษาจากภายในที่มีตัวยาโคลไทรมาโซล ซึ่งมีให้เลือกใช้หลายรูปแบบ ได้แก่ ยาเม็ดรับประทาน เจลสำหรับสอดช่องคลอด ยาสอดช่องคลอด หรือครีมทาภายในช่องคลอดส่วนครีมทาภายนอกจะช่วยบรรเทาเฉพาะอาการคันเท่านั้น
เคล็ดลับที่น่าสนใจ : การรักษาเฉพาะอาการคันด้วยครีมทาภายนอกไม่สามารถรักษาการติดเชื้อได้ ดังนั้นอย่าลืมรักษาเชื้อราในช่องคลอดที่ต้นเหตุด้วยยาเม็ดรับประทานชนิดแคปซูล หรือยาฆ่าเชื้อราภายในช่องคลอด เช่น ยาสำหรับสอดช่องคลอดที่มีตัวยาโคลไทรมาโซล ใช้คู่กับยาครีมตัวยาโคลไทรมาโซล เพื่อประสิทธิภาพการรักษาที่ตรงจุดและครบทั้งภายในและภายนอกช่องคลอด
การป้องกันโรคเชื้อราในช่องคลอด
หลังการอาบน้ำหรือว่ายน้ำ ควรทำความสะอาดบริเวณช่องคลอดของคุณอย่างทั่วถึงและเช็ดให้แห้ง ในระหว่างที่มีการติดเชื้อควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอมรวมถึงสารเคมีที่อาจก่อการระคายเคือง เช่น สบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สบู่ทำฟอง หรือเจลอาบน้ำที่นี่ส่วนผสมของน้ำหอม
หลังการเข้าห้องน้ำ คุณควรเช็ดทำความสะอาดช่องคลอดจากหน้าไปหลัง วิธีนี้จะช่วยป้องกันเชื้อโรคจากทวารหนักกระจายสู่ช่องคลอดของคุณ
อาการเจ็บบริเวณช่องคลอดแบบไหนที่ควรรีบพบแพทย์
แม้ว่าอาการแสบ ช่องคลอดบวมแดงอันเนื่องมาจากเชื้อราจะไม่เป็นอันตราย และสามารถซื้อยาจากเภสัชกรได้ แต่ก็มีอาการที่ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยด่วน ดังนี้
- อาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน
- อาการยังไม่หายใน 7 วัน
- เป็นเชื้อราบ่อยกว่า 4 ครั้งต่อปี
- ปวดท้อง มีไข้ หนาวสั่น
- ตกขาวมีกลิ่นเหม็นหรือมีเลือดปน
- ตั้งครรภ์หรือมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน
เรื่องจริงเกี่ยวกับโรคเชื้อราในช่องคลอด
โรคเชื้อราในช่องคลอดอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ในช่วงชีวิต ผู้หญิงร้อยละ 75 จะเคยเป็นโรคนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง
โดยปกติโรคเชื้อราในช่องคลอดเกิดจากเชื้อราที่มีชื่อว่า แคนดิดา อัลบิแคนส์ ซึ่งเป็นเชื้อราที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ภายในช่องคลอด เราสามารถป้องกันโรคนี้ได้โดยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณแข็งแรง ด้วยการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง ลดความเครียด และดำเนินวิถีชีวิตให้มีสุขภาพดี และตัวยาที่ช่วยรักษาเชื้อราที่ช่องคลอดได้ คือโคลไทรมาโซล
ช่องคลอดบวมแดงเนื่องมาจากเชื้อราในช่องคลอดเป็นภาวะที่พบได้บ่อย และเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการเจ็บแสบคันช่องคลอด แม้จะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว แต่สามารถรักษาได้ด้วยการเลือกยารักษาเชื้อราในช่องคลอดที่เหมาะสมและดูแลสุขภาพจุดซ่อนเร้นอย่างถูกวิธี หากรักษาถูกต้องอาการมักดีขึ้นภายในไม่กี่วัน และช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการแสบช่องคลอด
ตกขาวผิดปกติสังเกตอย่างไรว่าเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ ?
ตกขาวผิดปกติสามารถดูได้จากลักษณะ สี กลิ่น และอาการร่วมอื่น ๆ เช่น เจ็บช่องคลอดหรือแสบ หากตกขาวมีสีเขียว เหลือง เทา มีกลิ่นคาวแรง หรือมีลักษณะจับตัวเป็นก้อนคล้ายนมบูด มักเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม
สามารถรักษาตกขาวด้วยตัวเองได้ไหม หรือควรไปพบแพทย์ทุกครั้ง ?
บางกรณีสามารถดูแลตนเองเบื้องต้นได้ เช่น การเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด การใส่กางเกงชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี และการหลีกเลี่ยงสารระคายเคือง แต่หากมีอาการต่อเนื่องหลายวัน หรือมีอาการคัน แสบ กลิ่นแรง คุณควรพบแพทย์เพื่อประเมินว่าตกขาวเกิดจากอะไร เพื่อรักษาให้ตรงจุด เช่น ถ้าตกขาวจากเชื้อรา ตัวยาที่ช่วยรักษา คือ โคลไทรมาโซล เป็นต้น
อาหารมีผลต่อการเป็นตกขาวไหม และหากเป็นตกขาว กินอะไรถึงหาย ?
โดยทั่วไปอาหารไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของการติดเชื้อในช่องคลอด แต่การกินอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพของช่องคลอด เช่น โยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวที่มีโปรไบโอติก อาจช่วยให้แบคทีเรียดีในช่องคลอดแข็งแรง ลดโอกาสเสียสมดุลได้ นอกจากนี้การเลือกอาหารที่ไม่หวานจัดและไม่มันมากเกินไปก็ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดตกขาวซ้ำได้ที่สำคัญควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรักษาให้ถูกต้อง เช่น ถ้าตกขาวจากเชื้อรา ควรใช้ตัวยาโคลไทรมาโซล เป็นต้น
ตกขาวเป็นซ้ำบ่อยควรทำอย่างไร ?
อาจเกิดจากการติดเชื้อไม่หายขาด พฤติกรรมสุขอนามัยที่ไม่เหมาะสม หรือสมดุลจุลชีพในช่องคลอดเสีย ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเฉพาะเจาะจง เช่น เชื้อราเรื้อรังหรือแบคทีเรียเกิน นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด สวมเสื้อผ้าที่ไม่อับชื้น และใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลจุดซ่อนเร้นที่ช่วยคงสมดุล pH ก็เป็นแนวทางที่ช่วยลดโอกาสกลับมาเป็นอีกได้
L.TH.MKT.03.2021.1920