สาเหตุช่องคลอดมีกลิ่นเกิดจากอะไร ?
ภาวะที่มีน้ำใส ๆ ไหลออกจากช่องคลอดและมีกลิ่นเหม็น โดยทั่วไปแล้วมีสาเหตุมาจากภายในช่องคลอดซึ่งจะมีทั้งแบคทีเรียชนิดที่ดีและชนิดไม่ดี โดยแบคทีเรียที่ดี เช่น แลคโตบาซิลัส (Lactobacillus) จะมีหน้าที่คอยช่วยให้ภายในช่องคลอดมีภาวะเป็นกรดอ่อน ๆ และช่วยให้แบคทีเรียชนิดที่ไม่ดีไม่สามารถเจริญเติบโตมากจนเกินไปได้ แต่ในทางกลับกัน หากแลคโตบาซิลลัสมีจำนวนลดลง จะส่งผลทำให้แบคทีเรียชนิดไม่ดีเจริญเติบโตขึ้น ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อแบคทีเรียจากภายนอก และทำให้เกิดภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis) นำไปสู่อาการช่องคลอดและตกขาวมีกลิ่นได้ในที่สุด ซึ่งควรได้รับการรักษาโดยเร็วเพื่อไม่ให้กระทบต่อการใช้ชีวิต
ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
ผู้หญิงทุกคนมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis) และความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นจากปัจจัยดังต่อไปนี้
- การสูบบุหรี่หรือรับประทานอาหารบางอย่าง เช่น ของหมักดอง ของคาวจัด
- การใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยบริเวณจุดซ่อนเร้น
- สวนล้างช่องคลอดบ่อย ๆ ทำให้เกิดการชะล้างแบคทีเรียดีออกไป
- การใช้ยาคุมกำเนิด
- การมีเพศสัมพันธ์ มีคู่นอนมากกว่า 1 คน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ
- รับประทานยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) และใช้ห่วงคุมกำเนิด
นอกจากนี้ หลายคนอาจเข้าใจว่าการใช้สระว่ายน้ำ หรือใช้ห้องน้ำสาธารณะ เป็นสาเหตุของตกขาวและช่องคลอดมีกลิ่น หรือทำให้เกิดภาวะ Bacterial Vaginosis ได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เนื่องจากความเป็นจริงแล้วคุณผู้หญิงสามารถทำกิจกรรมเหล่านั้นได้ตามปกติ แต่ต้องไม่ลืมรักษาความสะอาดของช่องคลอดด้วยเช่นกัน
แยกความแตกต่าง : ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย กับ โรคเชื้อราในช่องคลอด
โรคเชื้อราในช่องคลอด และภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เป็นโรคที่พบได้บ่อย แต่อาจไม่ง่ายสำหรับผู้ป่วยที่จะบอกความแตกต่างของโรคได้ ซึ่ง 2 โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อ 2 ประเภทที่แตกต่างกัน และต้องใช้วิธีการรักษาที่ไม่เหมือนกัน โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากตารางด้านล่างนี้
เอกสารอ้างอิง
- Bacterial Vaginosis. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 จาก https://www.webmd.com/women/what-is-bacterial-vaginosis
- โรคช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 จาก https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=896
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการช่องคลอดและตกขาวมีกลิ่นเหม็น เนื่องจากติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
Q: ช่องคลอดมีกลิ่นแต่ไม่คัน เป็นอันตรายไหม ?
A: อาการมีกลิ่นโดยไม่มีอาการคันหรือแสบช่องคลอด มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไม่ใช่เชื้อรา แม้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หรือภาวะคลอดก่อนกำหนดในหญิงตั้งครรภ์ได้
Q: การสวนล้างช่องคลอดช่วยลดกลิ่นได้จริงไหม ?
A: ไม่แนะนำให้สวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้แบคทีเรียดีถูกชะล้างออกไป ส่งผลให้เชื้อไม่ดีเติบโตมากขึ้น และอาจทำให้เกิดอาการแสบช่องคลอด ช่องคลอดบวมแดง หรือเจ็บปากช่องคลอดได้ ควรล้างเฉพาะภายนอกด้วยน้ำสะอาดหรือผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนเท่านั้น
Q: การติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่ ?
A: ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยตรง แต่การมีเพศสัมพันธ์ที่ถี่หรือการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยอาจทำให้สมดุลภายในช่องคลอดเปลี่ยนแปลง จนเพิ่มโอกาสเกิดการติดเชื้อได้ ควรป้องกันด้วยการรักษาความสะอาด และตรวจสุขภาพสตรีประจำปีเพื่อประเมินสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด
Q: การตรวจสุขภาพสตรีประจำปีช่วยอะไรได้บ้าง ?
A: การตรวจสุขภาพสตรีประจำปีช่วยให้แพทย์ประเมินสมดุลของจุลชีพในช่องคลอด ตรวจหาอาการอักเสบ หรือภาวะติดเชื้อในระยะเริ่มต้นก่อนลุกลาม นอกจากนี้ยังช่วยตรวจหาความผิดปกติอื่น ๆ เช่น ซีสต์ หรือมะเร็งปากมดลูก เพื่อให้สามารถรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
Q: ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียต่างจากเชื้อราในช่องคลอดอย่างไร ?
A: เชื้อแบคทีเรีย ตกขาวเป็นน้ำใสหรือเทา มีกลิ่นคาวปลา แต่ไม่คัน
เชื้อรา ตกขาวลักษณะข้นคล้ายนมบูด คันและแสบในช่องคลอด
ทั้งสองภาวะรักษาได้แต่ต้องใช้ยาคนละประเภท จึงไม่ควรซื้อยามาใช้เอง ควรให้แพทย์วินิจฉัยก่อนเสมอ