ครีมฆ่าเชื้อรามีสเตียรอยด์ใช้ได้ไหม? ควรใช้อย่างไร?
ในปัจจุบันยาที่ใช้สำหรับรักษาโรคผิวหนังมักมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ โดยเฉพาะยาในรูปแบบครีมทาผิวหนัง แต่หลายคนคงอาจสงสัยว่าแล้วโรคติดเชื้อราบนผิวหนัง สามารถใช้ครีมฆ่าเชื้อรา (ครีมทารักษาโรคเชื้อรา) ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ได้หรือไม่ ใช้แล้วจะมีผลข้างเคียงอย่างไร หรือถ้าจะใช้ให้ปลอดภัยต้องทำอย่างไร รวมไปถึงหากต้องการหลีกเลี่ยงสเตียรอยด์สามารถใช้ยาชนิดใดแทนได้บ้าง บทความนี้มีคำตอบมาให้คุณ
ชวนไปรู้จักสเตียรอยด์ คืออะไร?
สเตียรอยด์ (Steroid) ที่เรามักจะได้ยินกันบ่อย ๆ นั้น ที่จริงแล้วเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างขึ้นเองตามธรรมชาติในร่างกาย มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการต้านการอักเสบ หรือควบคุมสมดุลน้ำและเกลือแร่ รวมไปถึงการกดภูมิคุ้มกันอีกด้วย
จากคุณสมบัติที่กล่าวมานั้นเอง ที่ทำให้สเตียรอยด์ถูกนำไปใช้ในทางการแพทย์อย่างกว้างขวาง และนำไปใช้รักษาโรคต่าง ๆ มากมาย โดยสเตียรอยด์ที่ถูกนำไปใช้ทางการแพทย์ คือ คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบสเตียรอยด์ที่ร่างกายสร้างขึ้นนั่นเอง
ยาสเตียรอยด์ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก
ยาสเตียรอยด์ที่ถูกนำไปใช้ทางการแพทย์นั้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ตามรูปแบบของการใช้งาน ดังนี้
ยาสเตียรอยด์ที่ใช้ภายนอก (External Use)
ยาสเตียรอยด์ที่ใช้ภายนอก (External Use) เป็นยาที่ใช้โดยหวังผลการรักษาเฉพาะที่ สามารถแบ่งได้ตามรูปแบบของยาและการรักษาโรค ดังนี้
- ยาทา มีทั้งรูปแบบครีม โลชัน และขี้ผึ้ง ใช้สำหรับรักษาโรคผิวหนังต่าง ๆ
- ยาหยอดตา ยาป้ายตา และยาหยอดหู ใช้สำหรับรักษาอาการภูมิแพ้บริเวณตาและหู
- ยาพ่นจมูก ใช้สำหรับรักษาอาการภูมิแพ้ที่มีอาการทางจมูก รวมไปถึงใช้รักษาริดสีดวงจมูกด้วย
- ยาพ่นคอ ใช้สำหรับรักษาโรคหืด รวมถึงผู้ที่เป็นภูมิแพ้และมีอาการหอบ
ยาสเตียรอยด์ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย (Systemic Use)
ยาสเตียรอยด์ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย (Systemic Use) เป็นยาสำหรับใช้รักษาโรคหรือภาวะบางอย่าง โดยต้องใช้ยาด้วยวิธีฉีดหรือรับประทานเท่านั้น เช่น อาการแพ้บางชนิด โรคหืดชนิดรุนแรง ภาวะภูมิไวเกิน หรือให้แก่ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาสเตียรอยด์
- สเตียรอยด์มีคุณสมบัติในการกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราได้ง่าย
- สเตียรอยด์มีผลทำให้เยื่อบุกระเพาะบางลง หากรุนแรงอาจทำให้มีอาการกระเพาะอาหารทะลุได้
- หากใช้สเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลทำให้กระดูกผุได้
- การใช้สเตียรอยด์เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้
- เสี่ยงเป็นเบาหวาน เพราะยาทำให้น้ำตาลในเลือดสูง
ยาสเตียรอยด์ใช้กับโรคผิวหนังชนิดใด?
ยาสเตียรอยด์ชนิดที่ใช้ภายนอก จะถูกนำไปใช้ในการรักษาโรคผิวหนังที่มีอาการอักเสบ อาการคันหรือโรคที่เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ที่มากเกินไป รวมถึงโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งได้แก่ โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวด่างขาว โรคผิวหนังอักเสบออกผื่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคผิวหนังอักเสบชนิดแห้งฝ่อ และโรคตุ่มน้ำพองจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
สำหรับผู้ที่มีปัญหาโรคผิวหนังจากการติดเชื้อรา เช่น กลาก เกลื้อน น้ำกัดเท้า ควรรักษาด้วยการทาครีมฆ่าเชื้อรา ไม่ควรใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เพราะอาจทำให้อาการของโรคลุกลาม และส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ จึงควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาสเตียรอยด์รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ยาสเตียรอยด์ชนิดที่ใช้ภายนอก ไม่สามารถใช้เป็นครีมฆ่าเชื้อรา หรือรักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อรา เช่น กลาก เกลื้อน น้ำกัดเท้าได้ ซึ่งหากนำไปใช้อาจส่งผลข้างเคียง ดังนี้
- ยาสเตียรอยด์มีคุณสมบัติในการกดภูมิต้านทานของร่างกาย จึงทำให้เชื้อรายิ่งเจริญเติบโตและลุกลามได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
- ยาสเตียรอยด์ส่งผลให้ผิวหนังบางลง รวมถึงเส้นเลือดแดงขยายขึ้น ผิวเกิดรอยแดง และเกิดแผลฟกช้ำง่าย รวมถึงแผลหายช้าอีกด้วย
- ทำให้แผลที่เป็นอยู่หายช้าลง
- เกิดอาการแพ้ยาสเตียรอยด์ได้
ครีมทาแก้เชื้อราที่รักษาอาการได้อย่างตรงจุด คืออะไร?
เชื่อว่าพออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงมีคำถามแล้วว่า ถ้ายาสเตียรอยด์ชนิดที่ใช้ภายนอก ไม่สามารถใช้ทาแก้เชื้อราได้ และไม่สามารถใช้รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อราได้อย่างปลอดภัย แล้วเราควรใช้ครีมแก้เชื้อราแบบใดดี เรามีคำตอบมาให้คุณแล้ว
ครีมทาแก้เชื้อราไบโฟนาโซล
ครีมทาแก้เชื้อรา ที่มีส่วนผสมของตัวยาไบโฟนาโซล เป็นยาต้านเชื้อราในกลุ่ม อิมิดาโซล (Imidazole antifungals) สามารถฆ่าเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคที่ผิวหนัง ได้แก่ กลากที่เท้า กลากที่มือ กลากที่ลำตัว กลากที่ขาหนีบ เกลื้อน และโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อแคนดิด้า เป็นยาฆ่าเชื้อราชนิดออกฤทธิ์กว้าง และมีคุณสมบัติต้านการอักเสบได้ดีเทียบเท่าสเตียรอยด์ (1% Hydrocortisone)
วิธีใช้ครีมทาแก้เชื้อราไบโฟนาโซล
- ล้างผิวหนังบริเวณที่จะรักษาให้สะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง
- ทายาบริเวณที่มีการติดเชื้อราและบริเวณรอบ ๆ วันละ 1 ครั้ง ควรทาก่อนเข้านอน
- ควรล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังทายา
- ควรทายาต่อเนื่องตามระยะเวลาการใช้ที่ระบุไว้ในเอกสารกำกับยา เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
ครีมทาแก้เชื้อราไบโฟนาโซลจึงเป็นทางเลือกที่ดีของคนที่ต้องการรักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา โดยไม่ต้องการเสี่ยงกับผลข้างเคียงจากการใช้ยาสเตียรอยด์ และสิ่งสำคัญคือควรใช้อย่างถูกต้องตามข้อกำหนดการใช้ยา เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากที่สุด
แหล่งอ้างอิง
- กลากเกลื้อน. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 จาก https://th.yanhee.net/หัตถการ/กลากเกลื้อน/
- “สเตียรอยด์” ฤทธิ์ครอบจักรวาล แต่หากใช้เกินจำเป็น ระวังผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 จาก https://www.vejthani.com/th/2018/06/สเตียรอยด์ระวัง/
- ทำความรู้จักกับ ‘สเตียรอยด์’ ใช้บ่อยๆ ใช่ว่าดี. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 จาก https://www.nakornthon.com/article/detail/ทำความรู้จักกับสเตียรอยด์-ใช้บ่อยๆใช่ว่าดี
- ภัยร้ายจากยาสเตียรอยด์. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 จาก https://w2.med.cmu.ac.th/dis/index.php?option=com_content&view=article&id=70:steroid&catid=18:knowledge&Itemid=35
- ปลอดภัยหรือไม่ เมื่อใช้สเตียรอยด์ (steroid). สืบค้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 จาก https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/142/สเตียรอยด์-steroid-ใช้แล้วปลอดภัยหรือไม่/
- ยาทาสเตียรอยด์สำหรับโรคผิวหนัง. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 จาก https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/438/ยาสเตียรอยด์ชนิดทาภายนอก/
- สเตียรอยด์ เป็นอย่างไร อันตรายหรือไม่. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 จาก https://www.pobpad.com/สเตียรอยด์-เป็นอย่างไร-อ